ขี้เกียจอ่านหนังสือจังทำยังไงดี?

ขี้เกียจอ่านหนังสือจังทำยังไงดี?

เทศกาลแห่งความสุขวันหยุดยาวเพิ่งผ่านพ้นไป น้อง ๆ หลายคน อาจกำลังมีเสียงในหัวว่า “ขี้เกียจอ่านหนังสือจัง..ไม่อยากอ่านเลย?” “ไม่อยากไปโรงเรียนอ่ะ…นอนอยู่บ้านได้ไหม?” น้องลองสังเกตเสียงในหัวสื่อสารกับน้องดูสิ มักจะใช้ประโยคที่น้องรู้สึกว่าสะดวกสบาย มาเป็นเหตุผลเพื่อขัดขวางไม่ให้น้องได้ลงมือทำตามสิ่งที่น้องตั้งใจไว้ เช่น เมื่อน้องคิดว่า “ขี้เกียจอ่านหนังสือจัง..ไม่อยากอ่านเลย?”

น้องจะมีความรู้สึกว่า การไม่อ่านหนังสือ เพราะน้องไม่อยากอ่าน สะดวกสบายกว่าการที่น้องต้องพยายามฝืนเอาตัวเองที่รู้สึกขี้เกียจอ่านหนังสือ ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ แล้วเสียงในหัวของน้องจะพยายามสร้างประโยค เพื่อเป็นเหตุผล หรือข้ออ้างดี ๆ กับน้องว่า การขี้เกียจอ่านหนังสือ ไม่ใช่เรื่องผิด เราดูกันว่ามีประโยคแบบไหนที่เสียงในหัวของน้อง ใช้เป็นเหตุผลในการอนุญาตให้น้องได้ขี้เกียจบ้าง

น้องลองดูนะว่ามีประโยคไหน ทำให้น้องรู้สึกว่าประโยคนี้ และทำให้น้องอนุญาตให้ตัวเอง หยุดทำสิ่งที่น้องตั้งใจทำได้ หรือสามารถขัดขวางไม่ให้น้องได้เริ่มทำตามสิ่งที่น้องตั้งใจไว้ ก่อนที่เราจะหาวิธีการแห้ไขความขี้เกียจ น้องต้องค้นพบด้วยตัวเองก่อนว่า อะไรคือต้นเหตุของขี้เกียจอ่านหนังสือ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

เมื่อน้องค้นพบต้นเหตุของความขี้เกียจอ่านหนังสือแล้ว น้องต้องพยายามออกจากความคิดแบบเดิม ๆ ที่เป็นต้นเหตุของความขี้เกียจเกิดขึ้น และหาแนวทางใหม่ๆ ที่สามารถสร้างพลังปลุกไฟให้น้องสามารถก้าวข้ามความขี้เกียจได้ พี่เชื้อเชิญให้น้องทำตามวิธีต่อไปนี้ เพื่อกำจัดความขี้เกียจอ่านหนังสือที่กำลังขวางทางน้องไปพร้อมกัน

1.ตั้งเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจน
เริ่มจากการที่น้องต้องตั้งพันธะสัญญากับตัวเองว่า เป้าหมายของน้องต้องการสอบติดที่คณะไหน? น้องต้องรู้ว่าอะไรเป็นเหตุผลที่น้องต้องทำตามเป้าหมายนั้นให้ได้ และอ่านเป้าหมายของตัวเองทำวัน เพื่อสร้างแรงกระตุ้น และสร้างคุณค่า ให้เป้าหมายที่น้องตั้งไว้ทรงพลังมากขึ้น เมื่อใดที่น้องรู้สึกเกียจอ่านหนังสือ จงกลับไปที่คำพูด อ่านเป้าหมายตอกย้ำตัวเองอีกครั้ง จะได้เพิ่มพลัง แรงใจ ปลุกไฟในการอ่านหนังสือขึ้นมาได้

2.ลงมือทำให้เร็ว และง่ายที่สุด
เมื่อน้องรู้สึกขี้เกียจอ่านหนังสือ น้องต้องจัดเวลาการอ่านหนังสือ การเรียน และการทำกิจวัตรประจำวันให้ชัด ต้องพยายามปรับเวลาการอ่านหนังสือจากน้อยไปมาก เพื่อสร้างนิสัยการจัดเวลา ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง และสร้างความเป็นไปได้ในการจัดเวลา โดยไม่รู้สึกบังคับตัวเองมากเกินไป จะช่วยปรับนิสัยให้น้องมีเวลาอ่านหนังสือเป็นปกติตามธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกต้องพยายามมากนัก

3.จัดเวลาให้ตัวเองได้ขี้เกียจบ้าง?
จากที่พี่ให้น้องได้จัดตารางไปแล้ว สิ่งสำคัญเลยน้องต้องจัดเวลาขี้เกียจอ่านหนังสือให้กับตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการสร้างเวลาพักให้กับสมอง เพื่อลดความเหนื่อยล้าของสมอง ซึ่งทำให้สมองกลับมาทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สุดท้ายนี้ การที่น้องจะขี้เกียจอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องผิด หากน้องสามารถจัดเวลาอ่านหนังสือได้ ลงมืออ่านหนังสือทันที และมีเวลาให้สมองได้พักบ้าง พี่เชื่อว่าน้องสามารถอ่านหนังสือได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่งผลให้เกิดประสิทธิผลในผลการเรียน และการสอบเข้าคณะที่น้องตั้งใจได้อย่างแน่นอน